Duke 390 มันจะมามั๊ย

หลังจากปี 2010 เป็นต้นมา ktm ได้เปิดตัวคู่หู แฝดเหมือน duke 125 และ duke200 ซึ่งบอกได้เลยว่า แทบจะเหมือนกันแป๊ะ แน่นอนว่า ใช้เฟรมตัวเดียวกัน เครื่องบล๊อกเดียวกัน(แต่ลูกสูบกับช่วงชักคนละตัว รวมทั้งอัตราทดต่างกันนิดหน่อย) ดูผ่าน ๆ แทบแยกไม่ออก ทั้งนี้ก็เพื่อบุกตลาดต่าง ๆ กัน โดย 125 เน้นในยุโรป สำหรับมือใหม่ที่มีใบขับขี่ขั้นแรก (ยุโรปอนุญาติให้ไม่เกิน 125 ซีซี) และตัว 200 บุกเน้นตลาดเอเชียแต่ยุโรปก็มีขายนะจ๊ะ แน่นอนว่า ถ้าเอาตัว125 มาเอเชีย รับรองดับสนิด เพราะแถบเอเชีย(ยกเว้นญี่ปุ่น) ยังไม่มีการบังคับระดับใบขับขี่ เรียกได้ว่า สอบทีเดียวขี่ได้ทุกซีซี

จากนั้นราว ๆ ปี 2011 ktm บ้านเราก็ได้นำเจ้า duke 200 มาขายด้วยเช่นกัน กับราคาที่เอื้อมได้ไม่ยาก(แม้จะสุดตัวสำหรับหลาย ๆ คน) โดยเปิดตัวที่ 222,000 บาท (ถ้าจำไม่ผิดนะ แต่ด้วยปัจจุบันโลกกว้างด้วยinternet เจ้าตัวนี้ขายอยู่ทีอินเดียซึ่งคิดเป็นเงินไทยแล้วอยู่ที่ 8x,xxx โอ้วต่างกันเกือบ 3 เท่า) ด้วยspec ที่มาเรียกได้ว่าจัดเต็มแบบไม่ให้เสียชือกับโช๊ค upsidedown หรือโช๊คหัวกลับ แฟรมเหล็กถัก และสวิงอาร์มอลูมิเนียม อัตราเร่งเรียกได้ว่า ปรี๊ดปร๊าด พอสมควร แต่ ๆ ๆ ก็มีเสียงบ่นตามมาบ้าง (จริง ๆ แล้วในเอเชีย รวมทั้งเพือน ๆ บ้านเรา) บ่นเหมือนกันหมดเลยว่า กำลังมันน้อยไปนิด

กลางปี 2013 ktm ประเทศไทย ได้ประกาศลงราคา duke200 เป็น 19x,xxx โอ้ว เร้าใจสำหรับคนที่รอ แต่ปวดใจสำหรับคนที่เพิ่งซื้อ พร้อมกับข่าวที่ทางยุโรปเปิดตัว duke390 ตัวที่ว่ากันว่า จัดเต็ม พร้อมลบข้อด้วยและเสียบ่นที่หลาย ๆ คนติในตัว 125 และ 200 แน่นอนว่าทาง เคทีเอ็ม ไทยแลนด์ นะจะลดราคาเพื่อระบายสินค้า ล๊อตสุดท้าย ก่อนเตรียมจะเปิดตัว เจ้า 390 แน่นอน ซึ่งราคาในอังกฤษ ขายกันอยู่ที่ ราว 4,500 ปอนด์ ซึ่งคิดเป็นเงินไทยกลม ๆ ก็ราว 22x,xxx บาท แน่นอนว่า..มาไทยคราวนี้ ทางktm คงทำการบ้านเรื่องราคามาอย่างดี โดยส่วนตัวคิดว่า ราคาเปิดตัวในไทยราว 250,000-300,000 บาท ส่วนเนื่องจากข้อจำกัดทางมาตรฐานไอเสีย แรงม้านะจะลดลงนิดหน่อย มาบ้านเราอาจต้องจูนบางลง ม้าอาจหายไป 3-5 ตัว แต่ก็คงจะปรี๊ดปร๊าดน่าดู

duke125


duke200



duke390


มาดูกันดีกว่าว่า เจ้า 390 มีอะไรมาให้เราบ้าง แล้วถ้ามันมา จะคุ้มค่าการรอคอยมั๊ย

specification

เทียบให้เห็นกันรุ่นต่อรุ่นเลยระหว่าง duke 125, 200, 390
สังเกตุได้เลยว่า ทั้ง 3 ตัวจะมี ตัวถังเดียวกัน สวิงอาร์มเดียวกัน ล้อเดียวกัน และ สำหรับ 125 และ 200 เหมือนกันแป๊ะ (ไม่นับรายละเอียดปลีกย่อยของเครื่องยนต์นะครับ แต่ยังคงเป็นเครื่อง บล๊อกเดียวกัน) ต่างกันที่ ขนาดเบรคหน้าหลัง โดยตัว 200 จะมีจานดิสเบรคที่ใหญ่กว่า
ส่วนตัว 390 จะแตกต่างกันพอสมควร เนื่องจาก น้ำหนักเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้น กำลังที่เพิ่มขึ้น 2 เท่า แน่นอนว่า จากน้ำหนักที่ต้องแบกมากขึ้น สปริง และการsetup ช่วงล่างจะไม่เหมือนกับตัว 200 (แต่ 125 กัน 200 เหมือนกันแป๊ะ) ขนาดจานเบรค เหมือนกับตัว 200 แต่เปลี่ยนปั๊มหน้าเป็น Radial 4 pot ไว้สำหรับหยุดม้า 44 ตัว ตามด้วยยางที่เกรดสูงขึ้น ไม่ได้ใช้ MRF จากอินเดียแล้ว

สำหรับ duke390 ผมว่ามันน่าขี่มา โดยเฉพาะจากน้ำหนักตัวที่เบามาก พลิกโค้ง ควบคุมนี่น่าจะว่องไว ดีไม่ดีส่วนพวกตัวใหญ่ ๆ แบบสะบาย ๆ เอามันในโค้ง กับ 44 แรงม้า และน้ำหนักเพียง 140 กิโลกรัม ลงคิดดูว่า รถที่มีขายในบ้านเรา ที่มีแรงใกล้เคียงก็มี ninja300 กับ 38-39 แรงม้า กับน้ำหนัก 180 กิโล หรือจะไปเทียบกัน cbr500 ที่มี 46-47 แรงม้า กับน้ำหนัง 190 กิโล ผมว่าตีนต้นนี่ โดนเจ้า390 ส่วนกระจาย แต่ถ้าทางยาว ๆ ก็คงต้องยอมพวกสปร์อตไป เพราะตีนปลายสูงสุดตัวนี้อยู่ราว ๆ 160 บวกลบนิดหน่อย คงจะเทียบไม่ได้กันninja300 และ cbr500 แต่ออกทริปด้วยกันนี่ เข้าเขตเขาเมื่อไหร่..มันส์..แน่นอน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คำนวณซีซี

แคมแต่งต้องทำใจ

a/f ratio เท่าไหร่ถึงจะดี