บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก 2013

น้ำมันเครื่อง เอายังไงดี

รูปภาพ
มีการถกเถียงกันในวงกว้างว่า นำมันเครื่องสำหรับรถมอร์ไซด์คันเก่ง เราจะดูยังไง เลือกยังไง ซึ่งก็แน่นอนว่าน้ำมันเครื่องเป็นที่พึ่งสุดท้ายที่ทำให้เราวางใจได้ว่าจะปกป้องเครื่องยนต์ของเราให้อยู่กับเราตราบนานเท่านาน แต่ส่งที่ได้ยินกันบ่อยที่สุดคือ ใช้อันนั้นดี อันนี้ดัง อันโน้นของนอก ของแพงกว่าย่อมดีกว่า ฯลฯ อีกมากมาย โดยหลาย ๆ ครั้ง หลาย  ๆ คน แค่ฟังเค้ามาโดยยังไม่เข้าใจเลยว่า ดูน้ำมันเครืองยังไง มารู้จักมาตรฐานที่เราจำเป็นต้องรู้ และค่ายผู้ผลิตต่าง ๆ นิยมใช้กัน SAE -  Society of Automotive Engineers -สมาคมวิศวกรยานยนต์ของอเมริกา กำหนดแบ่งเกรดมาตรฐาน" ความหนืด" ของน้ำมันเครือง ที่คุ้นตากันก็เป็น SAE 30,  SAE 40,  SAE 50 จำง่าย ๆ ไม่ต้องคิดมาก เลขน้อยกว่าก็หนืดน้อยกว่า แต่ผู้ผลิตจักรยานต์ยนต์ส่วนใหญ่ในบ้านเราแนะนำ SAE 40 นะจ๊ะ ส่วนใครจะเลือกหนืดมากกว่า หรือน้อยกว่า ก็แล้วแต่เลย  อ้าววว แล้วพวก SAE 10w-40, SAE 15w-50 หล่ะ มันเป็นไง จำง่าย ๆ อีกเหมือนกันว่า ตัว"W" ย่อมาจาก winter ซึ่งแปลว่า ฤดูหนาว ดังนั้น 10w-40 จึงหมายถึง เวลาอากาศหนาว(มาก ๆ ที่อุณภูมิ ลบ10 องศาข

เปลี่ยนหลอดไฟท้าย wave 125x

รูปภาพ
หลังจากมาสังเกตุได้ว่า ไฟท้ายรถคันเก่งที่ใช้งานอยู่ประจำไม่ติด จึงได้เวลาหาซื้อมาเปลี่ยน แต่เด่วนี้ผู้ผลิตใส่ใจการออกแบบกันเกินไป แค่เปลี่ยนไปท้าย ทำไมมันยางเย็นขนาดนี้ ถ้าเป็นสมัยก่อน พวกดรีม หรือ nova รุ่นต่าง ๆ ขันสกรูแค่ 2 ตัวก็ถอดฝาครอบและเปลี่ยนไฟท้ายได้แล้ว เล่นเอาเหนื่อยเลย กันการเปลี่ยนไฟท้าย เริ่มกันเลยดีกว่า  เปิดเบาะ แล้วก็ถอดมือจับหลังออกก่อนเป็นอันดับแรก  ถอด ๆ ๆ  แล้วก็ถอดน๊อตตรงแฟริ่งด้านข้าง ทั้งสองข้างออกครับ  ด้านล่างอีกตัวนึง มีทั้งสองข้างนะครับ  อันนี้งมอยู่นาน มันจะมีเขียวล๊อคอยู่ครับ เอาไขควงแบนแหย่เข้าไป แล้วงัดเบา ๆ ก็หลุดออกมาเลยครับ ค่อย ๆ นะครับ เด่วเขี้ยวหัก  นี่ไงครับ ลักษณะ เป็นเขี้ยวแบบนี้  รูปน๊อตเกลี่ยวปล่อย 2 ตัว ที่แรกทำงง ถอดสองตัวนี้แล้ว แต่เปิดฝาครอบไฟท้ายไม่ได้ ^^!  ถอด ๆ  เมื่อเราถอดสกรูเกลียวปล่อย 2 ตัวด้านล่างของไฟท้ายแล้ว มันดึงฝาครอบไฟท้ายไม่ออก เพราะจะมีเขี้ยวด้านบน ซึ่งซ่อนอยู่ใต้แฟริ่งท้าย ถ้าเรามองเห็น หรือรู้ว่ามีเขี้ยวตรงนี้ ก็ใช้ไขควงแบบแหย่เข้าไปได้เลย ไม่ต้องรื้อชุดใหญ่แบบผม  ลักษณะ

คำนวณซีซี

คงจะยุ่งยากกันมากสำหรับหลาย ๆ คนที่จะต้องมานั่นคำนวณความจุกระบอกสูบ ว่าใส่ลูกเท่าไหร่ จะได้CC เท่าไหร่  ก็เลยมีวิธีง่าย ๆ มาฝากันเลย กับตารางคำนวณซีซี แค่ใส่ขนาดกระบอกสูบเข้าไปว่ากี่มิลลิเมตร ตามด้วย ระยะของช่วงชัก เราก็สามารถคำนวณกระบอกสูบกันได้ง่าย ๆ โดยจะมีการคำนวณผ่านเวปให้เสร็จเลย ไม่ต้องคิดเองให้เสียเวลา มาดูวิธีใช้กัน CC-Calculators ดีกว่า ขั้นแรก ในช่อง Piston size ใส่ขนาดของลูกสูบ (มิลลิเมตร) ขั้นที่สอง ในช่อง Stroke ก็ใส่ระยะของช่วงชักลงไป (มิลลิเมตร) สุดท้ายก็ กดคำนวณที่ปุ่ม Calculate ได้เลย เบื้องต้นอาจคิดไม่ออกว่าจะเริ่มคำนวณยังไง ก็เลยเอา spec เดิม ๆ โรงงานของแต่ละรุ่นเท่าที่หาได้มาฝากกัน เวฟ125   -กระบอกสูบ 52.4 mm. : ช่วงชัก 57.5 mm. เวฟ110   -กระบอกสูบ 50 mm. : ช่วงชัก 55.6 mm. มีโอ125   -กระบอกสูบ 52.4 mm. : ช่วงชัก 57.5 mm. มีโอ115   -กระบอกสูบ 50 mm. : ช่วงชัก 57.5 mm. ฟีโน่        -กระบอกสูบ 50 mm. : ช่วงชัก 57.5 mm. คลิก125   -กระบอกสูบ 52.4 mm. : ช่วงชัก 57.5 mm. คลิก110   -กระบอกสูบ 50 mm. : ช่วงชัก 55 mm. CBR150  -กระบอกสูบ 63.5 mm. :

ความเร็วจริง gps suzuki shogun axelo125i

รูปภาพ
หลังจากได้ยินชาวมอร์ไซด์ ชอบมาพูดกันว่า รถรุ่นนี้ รุ่นนั้น วิ่งได้เท่านั้น เท่านี้ ซึ่งมีความสงสัยว่า..ทำไม บางรุ่น ที่ ซีซี เท่ากัน เทคโนโลยี spec เครื่อง พอ ๆ กัน แต่วิ่งได้ต่างกันแบบ ฟ้ากะเหว ถึงไม่ได้ต่างกันมากขนาด  20-30 km/h ก็ต่างกันอย่างน้อย ๆ 10-15 เช่น รถจ่ายตลาด สูบนอน 125 ซีซี 4 เกียร์ อย่าง เวฟ125 ซูaxelo125 วิ่งได้ 115-120 ตามไมล์ติดรถ แต่บางรุ่นสูงตั้ง จัดเต็ม5 เกียร์ อย่าง Dtracker 125 วิ่งได้ตามไมล์ประมาณ 100 เอ้ย..ทำไมมันต่างกันขนาดนั้นหว่า แน่นอนว่า..แต่ละรุ่น ทางผู้ผลิตทำมาตรวัดความเร็วมาเพี้ยนจากความเร็วจริง ไม่เท่ากัน อาจเอาตัวเลขเยอะ ๆ ไว้ข่ม ไว้คุย ว่ารถตัวเองแรงกว่า หรือด้วยสาเหตุอื่น ๆ ความเร็วที่ได้เหล่านั้นจึงเป็นเพียง ความเร็วตามไมล์ติดรถ ดังนั้น..ถ้ามีโอกาสได้จับรุ่นได้ หรือหายืมรุ่นไหนได้ ก็จะมาทำข้อมูลให้ดูว่า แต่ละรุ่นมีความเร็วเทียบกับ gps เท่าไหร่ โดย รุ่นใดที่ทำความเร็วตามไมล์ได้เกิน 100 ก็จะวันที่ 100 แต่ถ้ามีรุ่นได้ที่ทำความเร็วตามไมล์ติดรถได้ไม่ถึง ก็ดูตามความเหมาะสมอีกทีนะครับ ว่าจะวัดที่ เท่าไหร่ อาจเป็น 80 หรือน้อยกว่า แล้วเทียบกับ ความเร็

Suzuki Shooter 115 Fi

รูปภาพ
เปิดตัว All New Suzuki Shooter 115 Fi ใหม่!!! ซูซูกิ ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์คุณภาพระดับโลก คิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ พร้อมสร้างสรรค์นวัตกรรมอันชาญฉลาดที่ประหยัด คุ้มค่า และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้ได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์อีโค่รายแรกของเมืองไทย กับการเปิดตัวสุด Shoot…t แบบไม่มีเอ้าส์ ของ All New Suzuki Shooter 115 Fi ใหม่!!! (ซูซูกิ ชู้ตเตอร์)รถจักรยานยนต์ครอบครัวอีโค่ คันแรกของเมืองไทย... พร้อมก้าวไปอีกขั้นกับเทคโนโลยีหัวฉีด ที่ตอบสนองความประหยัด Shoot…t ทุกความแรง และดีไซน์รูปลักษณ์ได้อย่างลงตัวในทุกอณู  ใหม่!!! ซูซูกิ ชู้ตเตอร์ ประหยัด...แรง...แซงที่ 1 จากเอกลักษณ์ของซูซูกิ Big Bike ระดับโลก สู่แรงบันดาลใจในการสร้าง Suzuki Shooter 115 Fi ให้โดดเด่นด้วยรูปทรงสปอร์ตโฉบเฉี่ยว ก้าวล้ำทุกมุมมอง ให้ความรู้สึกเสมือนขับขี่รถจักรยานยนต์ ซูซูกิ GSX-R ซีรีย์ เท่ สะดุดตาด้วยเส้นสายและลวดลายกราฟฟิกสะท้อนความสปอร์ตแบบถึงใจ ให้คุณ Shoot…t ตั้งแต่หัวจรดท้าย ด้วยไฟเลี้ยวด้านหน้าซ้ายขวาที่ออกแบบไว้ตรงบังลมด้านหน้า พร้อมช่องดักอากาศ ให้ความรู้สึกเหมือนกับรถจักรยานย

Duke 390 มันจะมามั๊ย

รูปภาพ
หลังจากปี 2010 เป็นต้นมา ktm ได้เปิดตัวคู่หู แฝดเหมือน duke 125 และ duke200 ซึ่งบอกได้เลยว่า แทบจะเหมือนกันแป๊ะ แน่นอนว่า ใช้เฟรมตัวเดียวกัน เครื่องบล๊อกเดียวกัน(แต่ลูกสูบกับช่วงชักคนละตัว รวมทั้งอัตราทดต่างกันนิดหน่อย) ดูผ่าน ๆ แทบแยกไม่ออก ทั้งนี้ก็เพื่อบุกตลาดต่าง ๆ กัน โดย 125 เน้นในยุโรป สำหรับมือใหม่ที่มีใบขับขี่ขั้นแรก (ยุโรปอนุญาติให้ไม่เกิน 125 ซีซี) และตัว 200 บุกเน้นตลาดเอเชียแต่ยุโรปก็มีขายนะจ๊ะ แน่นอนว่า ถ้าเอาตัว125 มาเอเชีย รับรองดับสนิด เพราะแถบเอเชีย(ยกเว้นญี่ปุ่น) ยังไม่มีการบังคับระดับใบขับขี่ เรียกได้ว่า สอบทีเดียวขี่ได้ทุกซีซี จากนั้นราว ๆ ปี 2011 ktm บ้านเราก็ได้นำเจ้า duke 200 มาขายด้วยเช่นกัน กับราคาที่เอื้อมได้ไม่ยาก(แม้จะสุดตัวสำหรับหลาย ๆ คน) โดยเปิดตัวที่ 222,000 บาท (ถ้าจำไม่ผิดนะ แต่ด้วยปัจจุบันโลกกว้างด้วยinternet เจ้าตัวนี้ขายอยู่ทีอินเดียซึ่งคิดเป็นเงินไทยแล้วอยู่ที่ 8x,xxx โอ้วต่างกันเกือบ 3 เท่า) ด้วยspec ที่มาเรียกได้ว่าจัดเต็มแบบไม่ให้เสียชือกับโช๊ค upsidedown หรือโช๊คหัวกลับ แฟรมเหล็กถัก และสวิงอาร์มอลูมิเนียม อัตราเร่งเรียกได้ว่า ปรี๊ดปร๊าด พอสม

ninja 300 ในที่สุดมันก็มา

รูปภาพ
เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ kawasaki ninja 300 หลังจากได้ว่างจำหน่าย ninja 250 ตัวใหม่ล่าสุดได้ไม่ถึงปี มาคราวนี้ จัดเต็มยิ่งกว่า ด้วยเครื่องยนต์ปรับปรุงใหม่หมด ของคุณรูปจาก คุณ theshot www.pantip.com นะครับ ว่าไปแล้วจริง ๆ แล้ว เจ้านินจา 250 และ 300 โฉมปัจจุบัน(2013)ที่มีขายอยู่ก็ได้รับการพัฒนามาพร้อมกัน ตัว 300 จริง ๆ จะเน้นไปที่ตลาด ยุโรปและอเมริกา ส่วนทางเอาเชียเราก็ผลพลอยได้ เพราะที่โน่นขายอะไร เค้าก็ผลิตทีเดียวขายบ้านเราด้วยเลย แต่หลังจากคาวาซากิ ได้เปิดตำนานบิกไบต์ในบ้านเรา ทำให้ตลาดbigbike โตขึ้นอย่างมาก ค่ายอื่น ๆ ก็เริ่มเข้ามาแบ่งชิ้นเค๊กกันมากขึ้น ทางคาวาจริงต้องมีแผนการตลาดที่แยกส่วน อิงกับทางยุโรปน้อยลง เริ่มจาก ksr บ้านเราได้ใช้โฉมใหม่ ในขณะที่ญี่ปุ่นยังใช้โฉมเดิมอยู่เลย ทีนี้ก็มาคิวของเจ้านินจา250 เดิม(2008-2012) มาปรับเป็นตัว250(2013) ขณะนั้นยังไม่มีคู่แข่งที่น่ากลัว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะเอาเจ้า 300 มาขาย แต่เวลาผ่านมา 1 ปี มีขายหนาหู ว่าคู่แข่ง ในกลุ่มลูกค้าใกล้เคียงกัน จะจัดหนักตั้งแต่ ทางyamaha จะมา ซึ่งเราเชื่อได้ว่าการดีไซด์ของทางยามาฮ่ากินขาดแน่ ๆ ด

ยาง irc iz-003 ดีมั๊ย

รูปภาพ
ฝนเอยฝนตก ว่าไปแล้วปีนี้ฝนตกเร็วมาก ๆ เลย เราชาวมอร์ไซด์ก็ขับขี่ระวังกันนิดนึงนะครับ ว่าไปแล้วจากหน้าฝนปีที่แล้ว ผ่านมาปีนิด ๆ แล้วกับ ยางMRF  ซึ่งเป็นยางติดรถเจ้า duke200 ใช้มา1ปี กับระยะทางประมาณ 20,000 กิโลเมตร ซึ่งเนื้อยางจะเริ่มแข็งที่ 7-8 เดือนหลังจากการใช้งาน ตามไปดูรีวิวได้เลยที่  http://thaimocyc.blogspot.com/2012/06/mrf.html มาต่อกันที่ปัจจุบัน ขอบอกตามตรงว่าผมเป็นคนใช้รถไม่เยอะ แต่ใช้ทุกแบบ ตั้งแต่เอาล้อเรียบไปขี่slide แถ ๆ  บนทางดิน ขี่ออกทริปไกล ๆ ขี่เล่นในเมืองกรุง แม้กระทั่งขี่ racing ในสนามทางเรียบ แต่มีเวฟเป็นรถใช้งานหลักอยู่แล้ว เจ้าDtracker ก็เอาไว้ขี่เล่นเป็นบางเวลา หลัง ๆ มานี่ชอบเอาไปขี่สนามทางเรียบ หรือถ้าไม่ได้ไปก็ไปหาลานฝึกขี่เลข8 เอามัน ยางเกร็ดstreet เริ่มไม่พอ ถึงมันจะหมดช้า แต่ความหนึบยังไม่ค่อยดีนัก เปลี่ยนยางเที่ยวนี้จึงมองหายางเนื้อนิ่มเกร็ด racing หรือยางเกร็ดสนามเท่านั้น และก็เอามาใช้บนถนนด้วย เพราะขนาดสนามยังเกาะ บนถนนก็น่าจะพอได้ เพราะเราคงไม่ได้เอาเข่าเช็ดพื้นกันแบบสนาม เร่ิมต้นที่ตั้งงบในใจให้ตัวเองก่อน เอาเป็นว่าเริ่มที่หายางซักรา

NIYOM นิยม รามคำแหง39

รูปภาพ
เกิดอาการพลาดอย่างรู้เท่าไม่ถึงการ จากการหลงกระแสปาดเบาะในครั้งก่อน จะลืมหาข้อมุล และข้อดีข้าเสียในการปาดเบาะออก หรือทำเบาะในรูปแบบต่าง ๆ นี่ถ้าเป็นรถแนว racing คงจะไม่มีผลอะไรมากมาย แต่นี้เป็นแนวโมโตครอส หรือโมตาร์ท ซึ่งรูปทรงของเบาะสำคัญมาก(อาจจะสำหรับผมคนเดียว) ต่อการขับขี่ เอารถโมโตครอสยุคแรก ๆ มาฝาก สังเกตุได้ว่า รถยุคนัั้นเบาะสััน และ ถังยาว(ถังมะละกอ) แต่ต่อมายุคหลัง ๆ ได้รับการพัฒนามาเรือย ๆ จนถังหดสั่ั่นลง สั้นลง และเบาะยาวขึ้น เรียกได้ว่าเบาะยาวถึงฝาถังน้ำมันกันเลยทีเดียว แล้วยังไงหละ....จะเบาะสั้น ยาว เกียวไรกัน...คำตอบ...สำหรับผู้ขับขี่บางคนก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร..ยังไงก็ขี่ได้...แต่ถ้าต้องการให้ควบคุมรถได้ง่ายขึ้น(ซึ่งผมลองแล้ว..ขี่ง่าย คุมรถง่ายกว่าเดิมมาก) เวลาเลี่ยวบนทางดิน หรือเลี้ยวแบบโมโตครอส อันดับแรกเลยคือ ย้ายตูดมานั่งหัวเบาะ หรือนั่งไปข้างหน้ามากที่สุด อันดับสองถ้ามุมโค้งที่จะเลี่ยวมีมากก็ เตะขาไปข้างหน้า หรือเตะขาเล็งไปที่ดุมล้อ ซึ่งหลาย ๆ คน (รวมทั้งผมด้วยเคยเข้าใจว่าการเตะขาคือการเขาขาไปราพื้นเพื่อค้ำเอาไว้)  ที่ทำสองอย่างนี้ก็เพื่อเหตุผลเดียวกัน คือ...

เอาล้อเดิม dtracker 250 มาทำ tubeless

รูปภาพ
เวลาจับเจ้า dtracker250 คันเก่งไป ออกทริป ขี่ใช้งาน เบื่อกับการต้องพกยางในสำรอง....แต่พอพกยางใน ก็มักจะไม่รั่ว...วันไหนไม่ได้พกเท่านั้นแหละ..รั่วทุกที แล้วหายางในตามร้านทั่วไปค่อยข้างจะยาก ก็เลยนึกอิจฉาพวกล้อจุบเลส(Tubeless) หรือล้อไม่มียางในที่ง่ายต่อการปะยางมาก ๆ คือ แค่แทงตัวหนอน ซั่งจะพกไปเองอุปกรณ์ก็น้อย เล็ก เบา แถมถ้าไม่พอ..ก็มีปะทั่วไปตามร้านรถยนต์ ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาทีในการแทงหนอนปะยาง ไม่ต้องถอดล้อ ไม่ต้องงัดยาง...อยากได้tubeless กะเค้าบ้าง จะทำไงดี ทีแรกหาข้อมูลก่อนเลยว่ามีแม็กตรงรุ่นแบบไม่ต้องแปลงบ้างมั้ย...คำตอนคือ..เงินถึงมั๊ยล่ะ...ที่เจอมาเป็นแม็กนอก อลุมิเนียมอัดขึ้นรูป หรือ แม็กforged นั่นเอง..แน่นอนว่า มันต้องเบาและแข็งแรงกว่าแม็กปกติ แต่..ราคาก็สุดจะรับได้ บ้านเราขายกันอยู่ที่ ราว 8x,xxx จะบ้าตาย เกือบแสน ในขณะที่รถราคาแค่แสนกว่า ...ซื้อไม่ลง นี่ถ้าราคาซัก2-3 หมื่นก็จัดไปแล้ว..... เมื่อแม็กตรงรุ่นไม่ใช่คำตอบ ก็มองหาแม็กแปลง..เห็นที่แปลงแล้วใกล้เคียงมากคือ แม็กของcbr250 ตัว4สูบ จริง ๆ แล้วถ้าจะแปลงก็แปลงได้หมด แต่ผมมองถึงอนาคตเรื่องโซ่สเตอร์ว่าต้องใสของเดิมได้เลย