บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก 2015

โซ่ vs สายพาย vs เพลา อันไหนดีกว่ากัน

รูปภาพ
เคยมีคนสงสัยว่าทำไมมอร์ไซค์แต่ละคันใช้ระบบขับเคลื่อนไม่เหมือนกัน ทำไมรถบ้านที่เห็นกันทั่วไป ใช้โซ่ ทำไม ฮาร์เลย์ คันใหญ่ ใช้สายพาน ทำไมบางรุ่นใช้เพลา แล้วอะไร ดีกว่ากัน (อาจมีแย้งอีกกว่า ก็พวกรถออโต้ทั่ว ๆ ไปก็ใช้สายพาน อันนี้ไม่นับนะครับ ระบบสายพานในรถออโต้ จะทำหน้าที่วิ่งขึ้นลงเป็นการเปลี่ยนอัตราทดไปในตัว ขอข้ามไปก่อน อันนี้จะเน้นที่ใช้เป็นระบบขับเคลื่อน เพียว ๆ จริง ๆ) มาดูกันเลย กับระบบขับเคลื่อนที่เราเห็นกันบ่อยมาก ๆ นั่นคือ โซ่ เสตอร์ แบบทั่วๆ ไปนี่แหละ มันอาจจะทำให้เราเซ็งนิดหน่อย เพราะต้องมีการตั้งโซ่กันแถว ๆ 500 ถึง 800 กิโลเมตร รวมถึงต้องดูแลหยอดน้ำมันหล่อลื่นอีก และสำหรับคนรักความสะอาดมาก ๆ ก็ต้องมีการล้างโซ่ค่อยหล่อลื่นอีกที วุ่นวาย เลอะเทอะไปหมด แต่มันก็มีข้อดีของมัน มันศูนย์เสียกำลังในส่วนนี้แค่ 3% อายุการใช้งานถ้าดูแล หยอดน้ำมันเป็นประจำ สำหรับโซ่ o-ring ได้มาตรฐานขึ้นไป อาจได้ถึง 30,000 กิโลเมตรขึ้นไปเลยทีเดียว แต่ถ้าขี่อย่างเดียว กลัวรถเลอะ ไม่เคยหยอดน้ำมัน หมื่นกว่ากิโลก็ไปแล้ว แน่นอนว่าพวกรถแรงม้าน้อย ๆ หรือรถที่ต้องการกำลังสูงอย่างพวกรถสปอร์ตเลือกใช้ระบบ

มาตั้งวาล์วแบบ dohc แคมคู่ กัน

รูปภาพ
มาแบบหนัก ๆ กันหน่อย กับการตั้งวาล์วรถคันเก่ง ที่ใช้ระบบวาล์วแบบ DOHC เพลาราวลิ้นคู่ หรือเรียกติดปากกว่าแคมคู่ ปัจจุบันระบบเครื่องยนต์ ที่นิยมกันมาก คงเหลืออยู่ 2 แบบ ง่าย ๆ ก็แบบแคมเดี่ยว กับแคมคู่ ซึ่งมันมีแยกย่อยไปอีกมากมาย แต่พื้นฐานก็แนวนี้แหละ ยกเว้นพี่ฮาเล่ย์ที่อนุรักษ์นิยมยังใช้เครื่องก้านกระทุ้งอยู่เลย สำหรับเครื่องแคมเดี่ยว มีกระเดื่อง การตั้งวาล์วไม่มีไรยุ่งยาก วันหน้าจะเอามาให้ชม ส่วนตอนนี้จัดตั้งวาล์วของเครื่องแคมคู่ไปเลย ไม่ได้ยาก แต่ใช้ทักษะสูงกว่าการตั้งแคมเดี่ยวพอสมควร หลายคนอาจงง ว่า แล้วบ้านเรา รถคันไหน เป็นแคมคู่แคมเดี่ยว บอกได้เลยว่า ส่วนใหญ่รถแม่บ้านทั่วไป เป็นรถแคมเดี่ยวครับ รถที่ใช้แคมคู่คือรถที่ออกแบบเพื่อต้องการกำลังที่มากกว่ารถทั่วไป มาพร้อมวาล์ว 4 ตัวต่อสูบ (แต่มีบ้างเจ้าก็พัฒนาแคมเดี่ยว 4 วาล์ว เพื่อเอาข้อดีของทั้ง 2 ระบบมาใช้ ไว้เล่าให้ฟังโอกาสต่อ ๆ ไปนะครับ) รถบ้านเราที่ใช้ระบบ dohc เท่าที่นึกออกนะครับ cbr150/250/300 ninja,z 250/300 raider125/150 dtracker,klx250 อื่น ๆ อีกหลายรุ่นมากครับ แต่วันนี้จะเป็นการตั้งวาล์วของเจ้า dtracker250 สมัยอยู่

kawasaki z250sl

รูปภาพ
kawasaki z250sl Super Lightweight Z  จินตนาการถึงรถจักรยานยนต์สปอร์ตที่หลบหลีกฝ่าการจราจรที่แออัด คับคั่งในเมืองอย่างเชี่ยวชาญ ด้วยเครื่องยนต์ตอบจัดที่ตอบสนองอย่างฉับไว และคุณคงเข้าใจถึงการได้ขับขี่รถ Supernaked รุ่นล่าสุดของคาวาซากิ Z250SL ที่ถูกออกแบบเพื่อเป็นรถสปอร์ตที่เกมาะกับการสัญจรในเมือง มีสมรรถนะพื้นฐานเดียวกับรถสปอร์ตนินจา ในรูปทรงที่เพรียว น้ำหนัดเบา และมิติกระทัดรัดทำให้รถคล่องแคล่ว ปราดเปรียว พร้อมสรีระรูปโฉมที่โฉบเฉี่ยว พุ่งฝ่าการจราจรในป่าคอนกรีตได้ง่าย และเสริมเอกลักษณ์ที่ดูดีกับผู้ขับขี่ Z250sl abs Ninja Performance เด่นด้วยเครื่องยนต์ 4 จังหวะ 1 สูบ และโครงตัวถังแบบถัก น้ำหนักเบาแบบเดียวกับที่ใช้ในรถ ninja250sl ทำให้รถ z250sl มีสมรรถนะเดียวกันกับนินจา เครื่องยนต์ให้พละกำลังที่แรงในช่วงรอบกลาง เป็นเครื่องยนต์รอบจัดที่บิดขึ้นสู่รอบสูงได้อย่างฉับไว ให้เสียงเครื่องยนต์ที่ดุดันด้วยน้ำหนักรถที่เบา รูปทรงเพรียว มิติของโครงตัวถังที่กระชับ แข็งแกร่ง และเครื่องยนต์อันทรงพลัง ทำให้การควบคุมเป็นไปได้อย่างคล่องแคล่ว ตอบสนองอัตราเร่งและพุ่งทะยานสู่เบื้อหน้าได้อย่าง

kawasaki ninja250sl

รูปภาพ
เปิดตัวมาได้ระยะหนึ่งแล้วกับ ninja 250 sl (abs) Ninja  Racy Super Lightweght Ninja รถจักรยานยนต์คาวาซากิ Ninja 250SL รุ่นใหม่ล่าสุดในสังเวียนรถซุปเปอร์สปอร์ตฟูลแฟริ่ง ขนาด 250 ซีซี จุดเด่นของรุ่นนี้คือ น้ำหนักเบา อันเป็นผลมาจากการพัฒนาให้รถมีน้ำหนักน้อยที่สุด เช่นเดียวกับรถที่ใช้ในสนามแข่ง เห็นได้ชัดว่ารถรุ่นนี้ถูกถ่ายทอด DNA มากจากนินจาซุปเปอร์ไบค์ระดับแชมเปี้ยน ขุมพลังจากเครื่องยนต์รอบจัด 4 จังหวะ 1 สูบ ติดตั้งในโครงรถแบบถัก Ninja 250SL ใหม่ มีสมรรถนะของรถสปอร์ตในรูปทรงเพรียว น้ำหนักเบา และมีมิติกระทัดรัด ด้วยสมรรถนะระดับรถแข่าง คล่องแคล่ว ว่องไว และสรีระที่โฉบเฉี่ยว ทำให้รถควบคุมง่ายและเบาแรงยิ่งขึ้น นี่คืออีกทางเลือกหนึ่งสำหรับรถสปอร์ตนินจา 250 ซีซี ที่ร้อนแรงกว่า กับนิยามบทใหม่ของ Ninja 250SL รถซุปเปอร์สปอร์ต 4 จังหวะ 1 สูบ ในประวัติศาสตร์ของนินจาที่ยาวนานถึง 30 ปี Racy Performance ถ้าคุณชื่นชอบแนวรถแข่ง นี่คือรถสำหรับคุณ ที่ได้รับการออกแบบมาเฉพาะสำหรับนักขับขี่หัวใจสปอร์ตที่มองหารถที่มีสมรรถนะสุดขั้วเหนือกว่าคู่แข่งใด ๆ น้ำหนักของรถที่เบาอย่างเหลือเชื่อ ทำให

เปลี่ยนกรองอากาศ dtracker เรื่องง่าย ๆ ทำเองก็ได้

รูปภาพ
ใช้งานในระยะเวลานึง สิ่งที่ควรดูแลใส่ใจอีกอย่างคือ กรองอากาศ ซึ่งโดยมาก ถ้าเป็นกรองแบบเปียก หรือกรองฟองน้ำ ก็มักจะล้างกัน ถึงมันจะล้างได้ ก็ควรเปลี่ยนเมื่อถึงระยะเวลานึง ราคาเบิกศูนย์ 200 มีทอน เปลี่ยนได้แบบไม่ต้องเสียดายทุก 10,000 กิโลเมตร หรือถ้าใครสะดวกไปเบิก ก็ ทุก 8,000 ก็ไม่ผิดกติกา  ขั้นตอนง่าย ๆ ใช้เครื่องมือพื้น ๆ อันดับแรก ถอดน๊อตตรงท้ายเบาะออก ทั้ง 2 ข้าง ถอดน๊อต 2 ตัวก็ดึงเบาะออกมาได้เลยเลย ดึงเยื้องไปด้านท้ายรถนะครับ จากนั้นก็จะเห็นฝาหม้อกรอง ก็จัดการถอดน๊อตออกทั้ง 4 ตัวเลยครับ ถอด ๆ ๆ  เปิดฝามาก็เจอกรองอากาศเลย แน่นเปรี๊ยะ  จากนั้นก็ล้วงมือไปบิดหางปลาออกมา แล้วดึงกรองออกมาได้เลย ตัวกรองอากาศ จะมีโครงพลาสติกอยู่นะครับ  พอดึงออกมาจากหม้อกรองแล้วก็ ดึงตัวกรอง ออกจากโครงได้เลย รูปโครงของกรองอากาศจากด้านใน ถอดออกมาแล้ว เทียบกันดู ระหว่างกรองที่ใช้มาราว 10,000 กิโล กับการล้างครั้งล่าสุดที่ 4-5,000 พันกิโลที่แล้ว   เบิกใหม่มาเปลี่ยนเลยครับ ราคาน่าคบหา ใส่กลับ เข้ากับโครงพลา