จูนเครื่องเดิมให้แรง

ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไร สนใจเรื่องอัตราส่วนผสมน้ำมันกับอากาศมากเป็นพิเศษ อาจเป็นเพราะได้ทราบมาเบื้องต้นถึง ค่าไอเสียที่เข้มข้น(สะอาดมาก) มากในบ้านเรา จึงทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ รถจักรยานยนต์ในบ้านเรา ต้องทำหลาย ๆ อย่างเพื่อให้ผ่านค่ามาตรฐานไอเสีย หนึ่งในนั้นคือการจูนน้ำมันมาจากโรงงานอย่างบาง ถึงบางมาก ทั้งเติมอากาศเข้าท่อไอเสีย แล้วยังผ่าน catalytic อีก บ้างรุ่น ผ่านอันเดียวไม่พอ ติดแคทมาให้ถึง 2 อัน (โดยเฉพาะรถที่แรงหน่อย)

สำหรับรถบ้าน หรือรถเล็ก ที่พวกเราใช้กัน โดยมากก็จะจูนมาบาง แล้วเติมอากาศ ผ่านแคทตัวเดียว ซึ่งแน่นอนว่า จูนมาบางจะกำลังหายไปจากที่ควรจะเป็นหลายเปอร์เซนต์เลย ตัวอย่างเท่าที่หาข้อมูลมาเทียบกันแบบตรง ๆ ได้ ก็ r15  ซึ่งปัจจุบัน เป็น version 2 แล้ว ดูจากตัวเลขในกระดาษ ตัวv.1 ให้แรงม้ามากกว่าถึง 0.3 โดย ให้กำลังที่ข้อเหวี่ยงมาจากโรงงานที่ 17 ถ้วน ๆ ส่วนตัวv.2 ให้ม้าที่ข้อเหวี่ยงมาแถว ๆ 16.7-16.8 แต่เนื่องด้วยเห็นผลการตลาด ก็ปัดขึ้น พิมพิ์ในspec 17 แรงม้าเท่ากัน (แต่บางเวป บางประเทศก็พิมพ์ 16.7 , ในบ้านเราพิมพ์ 17)  เอาเป็นว่า ตัวเลขเท่าไหร่ไม่สำคัญ แต่มีตัวอย่างหลาย ๆ รุ่นว่า รถตัวเดียวกัน เครื่องบล็อกเดียวกัน ตัวปีใหม่ ๆ จะได้กำลังน้อยกว่านิดหน่อย
R-15 version 1



R-15 version 2

แน่นอน หลายคนคงบอกว่า ดีแล้ว โลกจะได้น่าอยู่ ไอเสียจากท่อจะได้ลดลง ...ถ้าคิดแบบนี้ก็ข้ามไปได้เลยครับ เพราะเรากำลังมองหาวิธิให้เครื่องยนต์ใช้งานได้เต็มกำลัง

มาดูทฤษฎีกันบ้าง เอาแบบไม่ต้องลึกมาก ไว้เป็นแนวทางเบื้องต้น
คงเคยได้ยินกันมาบ้างแล้วว่า อัตราส่วนผสมของอากาศ กันน้ำมันเบนซินที่เหมาะสมที่สุดอยู่ที่ 14.7ต่อ 1 โดยวัดตามน้ำหนักนะครับ ไม่ต้องไปคิดมาก ว่ามันวัดยังไง ทำไมถึงเท่านี้ แต่หลายคนลืมไปว่า น้ำมันที่ขายตามปั้มแถวบ้านเราทุกวันนี้มีตั้งหลายอย่าง เช่น 95ธรรมดา,แก๊สโซฮอล91,แก๊สโซฮอล95,E20,E85 แล้วทุกอย่างมันใช้ค่าส่วนผสมเท่ากันเหรอ....คำตอบคือไม่...อะไรเท่าไหร่หามาให้แล้วครับ


เห็นตัวเลขแล้วก็คงอ๋อ พอนึกได้  แต่คงจะมองด้านเดียวไม่ได้ เช่น ค่าส่วนผสมเบนซินต่ออากาศ 14.7/1 นี่เป็นค่าที่ให้การเผาไหม้สมบูรณ์ที่สุด แต่ไม่ใช่ค่าที่ได้กำลังมากที่สุด....นั่นไง  ค่าที่ได้กำลังมากที่สุดจะอยู่แถว 12.5/1 ซึ่ง แน่นอนว่า โรงงานผู้ผลิตทุกค่ายจูนมาให้เราที่ 14.7 แน่นอน เพื่อให้ผ่านค่ามลพิษที่รัฐกำหนด

ถ้าโรงงานผู้ผลิตจูนมาให้เราบนพื้นฐานของเบนซิน ที่ 14.7 แต่เราเอามาเติม e10(โซฮอล) สำหรับรถคาบูร์ อาจบาง กำลังตกนิดหน่อย แต่ก็ใช้ได้ ส่วนรถหัวฉีด ก็นะมีเซนเซอร์ที่่ท่อไอเสีย เพื่อจ่ายน้ำมันทดแทน แต่ก็จะมีเร้นที่ไม่กว้างมาก อาจจะติดบางนิดหน่อย สรุป รถเดิมเติม e10 ก็ใช้ได้ แต่กำลังหายไปนิดหน่อย ไม่เชื่อลองเติม95ธรรมดาดู จะรู้สึกได้เลยว่า วิ่งติดมือกว่า 

แล้วถ้าเราไม่พอใจในค่าที่โรงงานให้มา ก็แค่เพิ่มน้ำมนอีกนิด ไม่จำเป็นต้องถึง 12.5/1 ก็ได้ แต่ให้หนากว่า 14.7 รถก็วิ่งลื่น ความร้อนน้อยลง กำลังไม่ตกเวลาวิ่งไกล ๆ แล้วครับ แต่ก็แลกมาด้วยการกินน้ำมันเพิ่มอีกนิดหน่อย และถ้าเราจูนหนาอีกนิด กำลังเครื่องมากขึ้น เราก็สามารถลดเสตอร์ลงได้อีกนิด เพื่อเปลี่ยนกำลังเป็นความเร็ว รวมทั้งลดรอบการทำงานที่ความเร็วเท่าเดิมอีกด้วย 
สำหรับรถคาร์บู ก็เปลี่ยนนมหนูน้ำมันเลย ลงทุนไม่ถึง 100 แค่ไปถอดของเดิมออกมา แล้วไปหาซื้อ เบอร์ที่มากกว่าเดิมซัก เบอร์ หรือ 2 เบอร์ (เท่าที่หาได้) รถก็จะวิ่งลื่นขึ้น กำลังติดมือขึ้นแล้ว ส่วนถ้าเป็นรถหัวฉีด ก็ไปหากล่องจูน หรือหาวิธีจูนกันเอาเองเด้อออ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คำนวณซีซี

แคมแต่งต้องทำใจ

a/f ratio เท่าไหร่ถึงจะดี