BMW s1000rr Vs HP4
จากรางวัลรถสปอร์ตยอดเยี่ยมแห่งปี 2010 แน่นอนว่าต้องไม่ธรรมดา ต่อมาทางค่ายใบพัดสีฟ้า bmw ก็ได้เข็นตัวพิเศษที่มีพื้นฐานจากs1000rr จนมาเป็น HP4 ออกมาเป็นตัวเลือกให้ขาแรงทั่วโลก จนเกิดคำถามว่า ราคา(ต่างประเทศ) ที่เพิ่มขึ้นราว 5,000 usd คุ้มค่ามั๊ย(แต่บ้านเรารถศูนย์ต่างกันหลายแสนเลย^^!) ได้อะไรพิเศษมาบ้าง s1000rr แตกต่างกัน hp4 อย่างไร
แน่นอนว่า มองเผิน ๆ หน้าตาเหมือนกันยังกะแกะ แต่ถ้าเจาะในรายละเอียดแล้วต่างกันเยอะเลย
เบรกหน้าจาก brembo ตัวบน ๆ ก็กลายมาเป็น monobloc ที่แม่ปั๊มหล่อขึ้นรูปชิ้นเดียว ไม่มีรอยต่อ แข็งแรงทนทานและเบรคได้คมกว่า ส่วนปั๊มบนก็เปลี่ยนเป็นตัวtop ด้วย เพื่อไม่ให้เสียชือ
แฟริ่งparts หลายชิ้นเปลี่ยนเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ แน่นอนว่าเพื่อการลดน้ำหนัก และเนื่องจากมันเกิดมาเพื่อสนามแข่งเป็นหลัก เบาะคนซ้อนและพักเท้าได้ถูกถอดออกเป็นที่เรียบร้อย
วงล้อจากอลูมิเนียมหล่อขึ้นรูป เปลี่ยนเป็นอลูมิเนียมforceแทน มันดียังไง เอาแบบคร่าว ๆ เข้าใจง่ายคือแข็งแรงและเบากว่าราว ๆ 20-40 เปอร์เซ็นเลย ซึ่งก็แล้วแต่ผู้ออกแบบ ล้อยังคงใช้ขนาดเท่าเดิมที่ 3.5/6 นิ้ว แต่รัดยางมาคนละรุ่น และยางหลัง อัพไซด์จาก 190/55 เป็น 200/55
ทีสังเกตุได้อีกอย่างคือมีสติกเกอร์DDC ติดมาด้วย ที่สวิงอาร์มของเจ้าhp4 แน่นอนว่ามันคงไม่ได้ต่างกันที่สติ๊กเกอร์ 555 DDC คือระบบ Dynamic Damping Control แปลตรงๆ ก็ระบบความคุมค่าdamping เป็นแปรผัน หรือเอาแบบบ้าน ๆ ก็โช็คเป็นแบบปรับรีบาวน์/คอมเพสต อัตโนมัติ แต่ค่าสปริงปรีโหลดยังต้องปรับด้วยมือนะคร๊าฟฟฟ
จากท่อเดิมที่ไม่สวยอย่างแรง มาคราวนี้ให้มาแบบจบเลย ไม่ต้องหาเปลี่ยน กัน Akrapovic แต่ยังคงมีcatalytic ไว้กรองไอเสียอยู่นะคร๊าฟฟ
จากการอัพอะไหล่อีกหลาย ๆ ส่วนทำให้เจ้า s1000rr ที่เบามาก ๆ อยู่แล้วราว 180kg เหลือเพียง 170 kg สำหรับตัว HP4 (เป็นน้ำหนักรถเปล่านะจ๊ะ ถ้าพร้อมขี่รวมน้ำมันเต็มถังก็บวกอีก 20 kg) ถือว่าเบามาก ๆ สำหรับรถคลาสนี้ ถ้ายังคิดไม่ออกว่ามันเบายังไง ลองคิดเล่น ๆ ว่า รถ 1000 cc แต่น้ำหนักเท่า ninja 250 กับแรงม้าที่ให้มาราว 190 ตัว ถ้าเอามันอยู่ก็เป็นเจ้าสนามแข่งได้ไม่ยาก
มีรายละเอียดอีกหลายส่วนไปดูเสป็กเทียบกันเลย
ขอบคุณ http://www.motorcyclenews.com/mcn/news/newsresults/first-rides-tests/2013/january/jan0313-bmw-s1000rr-vs-s1000rr-hp4/
เบรกหน้าจาก brembo ตัวบน ๆ ก็กลายมาเป็น monobloc ที่แม่ปั๊มหล่อขึ้นรูปชิ้นเดียว ไม่มีรอยต่อ แข็งแรงทนทานและเบรคได้คมกว่า ส่วนปั๊มบนก็เปลี่ยนเป็นตัวtop ด้วย เพื่อไม่ให้เสียชือ
แฟริ่งparts หลายชิ้นเปลี่ยนเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ แน่นอนว่าเพื่อการลดน้ำหนัก และเนื่องจากมันเกิดมาเพื่อสนามแข่งเป็นหลัก เบาะคนซ้อนและพักเท้าได้ถูกถอดออกเป็นที่เรียบร้อย
วงล้อจากอลูมิเนียมหล่อขึ้นรูป เปลี่ยนเป็นอลูมิเนียมforceแทน มันดียังไง เอาแบบคร่าว ๆ เข้าใจง่ายคือแข็งแรงและเบากว่าราว ๆ 20-40 เปอร์เซ็นเลย ซึ่งก็แล้วแต่ผู้ออกแบบ ล้อยังคงใช้ขนาดเท่าเดิมที่ 3.5/6 นิ้ว แต่รัดยางมาคนละรุ่น และยางหลัง อัพไซด์จาก 190/55 เป็น 200/55
ทีสังเกตุได้อีกอย่างคือมีสติกเกอร์DDC ติดมาด้วย ที่สวิงอาร์มของเจ้าhp4 แน่นอนว่ามันคงไม่ได้ต่างกันที่สติ๊กเกอร์ 555 DDC คือระบบ Dynamic Damping Control แปลตรงๆ ก็ระบบความคุมค่าdamping เป็นแปรผัน หรือเอาแบบบ้าน ๆ ก็โช็คเป็นแบบปรับรีบาวน์/คอมเพสต อัตโนมัติ แต่ค่าสปริงปรีโหลดยังต้องปรับด้วยมือนะคร๊าฟฟฟ
จากท่อเดิมที่ไม่สวยอย่างแรง มาคราวนี้ให้มาแบบจบเลย ไม่ต้องหาเปลี่ยน กัน Akrapovic แต่ยังคงมีcatalytic ไว้กรองไอเสียอยู่นะคร๊าฟฟ
จากการอัพอะไหล่อีกหลาย ๆ ส่วนทำให้เจ้า s1000rr ที่เบามาก ๆ อยู่แล้วราว 180kg เหลือเพียง 170 kg สำหรับตัว HP4 (เป็นน้ำหนักรถเปล่านะจ๊ะ ถ้าพร้อมขี่รวมน้ำมันเต็มถังก็บวกอีก 20 kg) ถือว่าเบามาก ๆ สำหรับรถคลาสนี้ ถ้ายังคิดไม่ออกว่ามันเบายังไง ลองคิดเล่น ๆ ว่า รถ 1000 cc แต่น้ำหนักเท่า ninja 250 กับแรงม้าที่ให้มาราว 190 ตัว ถ้าเอามันอยู่ก็เป็นเจ้าสนามแข่งได้ไม่ยาก
มีรายละเอียดอีกหลายส่วนไปดูเสป็กเทียบกันเลย
Specifications Compare
ขอบคุณ http://www.motorcyclenews.com/mcn/news/newsresults/first-rides-tests/2013/january/jan0313-bmw-s1000rr-vs-s1000rr-hp4/
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น